ทรัมป์สั่งทดสอบนิวเคลียร์ครั้งแรกรอบ 30 ปี
โดนัลด์ ทรัมป์ สั่งเพนทากอนกลับมาทดสอบอาวุธนิวเคลียร์ เป็นครั้งแรกในรอบ 30 ปี สร้างความตื่นตะลึงไปทั่วโลก การตัดสินใจนี้เกิดขึ้นท่ามกลางความตึงเครียดที่เพิ่มสูงขึ้นระหว่างประเทศมหาอำนาจ และจุดประกายความกังวลเกี่ยวกับการแข่งขันอาวุธครั้งใหม่
คำสั่งดังกล่าวเกิดขึ้นขณะที่ทรัมป์กำลังจะเข้าร่วมการประชุมด้านการค้ากับประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ของจีน โดยทรัมป์อ้างว่าการดำเนินการนี้เป็นการตอบโต้การขยายคลังแสงนิวเคลียร์ของประเทศอื่น ๆ
ทรัมป์ประกาศเรื่องนี้ผ่านทรูธ โซเชียล ขณะเดินทางไปยังการเจรจาการค้า โดยระบุว่าได้สั่งให้กระทรวงกลาโหมเริ่มการทดสอบนิวเคลียร์ทันที เพื่อให้สหรัฐฯ “ดำเนินการในระดับที่เท่าเทียมกับประเทศมหาอำนาจนิวเคลียร์อื่น”
“เนื่องจากประเทศอื่นยังคงมีโครงการทดสอบอาวุธนิวเคลียร์ ผมจึงได้สั่งให้กระทรวงสงครามเริ่มการทดสอบในระดับเท่ากัน กระบวนการนี้จะเริ่มต้นในทันที” ทรัมป์กล่าว
ทรัมป์สั่งเพนทากอนกลับมาทดสอบอาวุธนิวเคลียร์
ยังไม่ชัดเจนว่าคำสั่งของทรัมป์หมายถึงการทดสอบแบบนิวเคลียร์ระเบิดจริง หรือเพียงการทดสอบขีปนาวุธที่สามารถติดหัวรบนิวเคลียร์ได้ การทดสอบนิวเคลียร์ระเบิดจริงนั้น อยู่ในความรับผิดชอบของสำนักงานความมั่นคงนิวเคลียร์แห่งชาติ (NNSA).
การตัดสินใจของทรัมป์เกิดขึ้นหลังจากที่จีนเพิ่มจำนวนหัวรบนิวเคลียร์อย่างมากในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา CSIS คาดว่าจีนจะมีอาวุธนิวเคลียร์เกิน 1,000 ลูกภายในปี 2030 ในขณะที่รัสเซียก็เพิ่งประกาศการทดสอบขีปนาวุธร่อนติดนิวเคลียร์รุ่นใหม่
ทรัมป์เคยเรียกร้องให้ประธานาธิบดีปูตินของรัสเซียยุติการทดสอบขีปนาวุธและหันไปยุติสงครามในยูเครนแทน ในช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมา ปูตินได้แสดงแสนยานุภาพด้านนิวเคลียร์ต่อสาธารณะหลายครั้ง
ก่อนหน้านี้ ทรัมป์เคยเสนอให้จัดการเจรจาควบคุมอาวุธนิวเคลียร์ร่วมกับรัสเซียและจีน อย่างไรก็ตาม จีนตอบกลับว่าการเข้าร่วมข้อตกลงดังกล่าวเป็น “เรื่องไม่สมเหตุสมผลและไม่เป็นจริง” เพราะคลังนิวเคลียร์ของจีนยังมีขนาดเล็กกว่ามากเมื่อเทียบกับสหรัฐฯ และรัสเซีย
ผลกระทบของการ ทรัมป์สั่งเพนตากอนกลับมาทดสอบอาวุธนิวเคลียร์
การประกาศครั้งนี้ถือเป็นการพลิกนโยบายด้านนิวเคลียร์ของสหรัฐฯ ครั้งใหญ่ที่สุดในรอบสามทศวรรษ และอาจจุดชนวนการแข่งขันอาวุธครั้งใหม่ระหว่างสามชาติมหาอำนาจนิวเคลียร์ของโลก ผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นมีดังนี้:
- ความตึงเครียดระหว่างประเทศที่เพิ่มสูงขึ้น: การทดสอบอาวุธนิวเคลียร์จะถูกมองว่าเป็นการยั่วยุและอาจนำไปสู่การเผชิญหน้าที่รุนแรงยิ่งขึ้น
- การแข่งขันอาวุธที่ทวีความรุนแรง: ประเทศอื่น ๆ อาจรู้สึกว่าจำเป็นต้องเพิ่มคลังแสงนิวเคลียร์ของตนเองเพื่อตอบโต้การกระทำของสหรัฐฯ
- ความเสี่ยงของการเกิดสงครามนิวเคลียร์: การเพิ่มจำนวนอาวุธนิวเคลียร์และความตึงเครียดที่สูงขึ้น เพิ่มโอกาสที่จะเกิดการใช้อาวุธนิวเคลียร์โดยไม่ได้ตั้งใจหรือโดยเจตนา
สถานการณ์นี้มีความน่ากังวลอย่างยิ่ง และเรียกร้องให้มีการเจรจาและการทูตอย่างเร่งด่วน เพื่อลดความตึงเครียดและป้องกันไม่ให้เกิดการแข่งขันอาวุธแบบควบคุมไม่ได้
การตัดสินใจของ ทรัมป์สั่งเพนตากอนกลับมาทดสอบอาวุธนิวเคลียร์ สะท้อนให้เห็นถึงความท้าทายที่ซับซ้อนในการรักษาสันติภาพและความมั่นคงในโลกยุคปัจจุบัน การควบคุมอาวุธนิวเคลียร์ยังคงเป็นสิ่งจำเป็นอย่างยิ่ง
ที่มา – ทรัมป์สั่งเพนตากอนกลับมาทดสอบอาวุธนิวเคลียร์ เป็นครั้งแรกในรอบ 30 ปี