ทำเนียบขาวเตือนเลิกจ้างจนท.รัฐภายใน 2 วัน

ทำเนียบขาวเตือนเลิกจ้างจนท.รัฐ “กำลังจะเกิดขึ้น” ภายใน 2 วัน หลังวิกฤตชัตดาวน์ยืดเยื้อ

สถานการณ์การเมืองในสหรัฐอเมริกากำลังตึงเครียดอย่างมาก หลังจากที่รัฐบาลกลางเข้าสู่ภาวะชัตดาวน์หรือการปิดหน่วยงานรัฐ ซึ่งเป็นครั้งแรกในรอบเกือบ 7 ปี ทำเนียบขาวเตือนเลิกจ้างจนท.รัฐ “กำลังจะเกิดขึ้น” ภายใน 2 วัน หากยังไม่มีข้อตกลงระหว่างพรรครีพับลิกันและเดโมแครตในสภาคองเกรส สถานการณ์นี้เกิดขึ้นเมื่อวันพุธที่ 1 ตุลาคม หลังจากที่ทั้งสองพรรคไม่สามารถตกลงแผนงบประมาณใหม่ได้ทันเส้นตาย

ทำเนียบขาวเตือนเลิกจ้างจนท.รัฐ “กำลังจะเกิดขึ้น” ภายใน 2 วัน

ในการแถลงข่าวที่ทำเนียบขาว รองประธานาธิบดี เจ.ดี. แวนซ์ และโฆษกประจำทำเนียบขาว แคโรลีน ลีวิตต์ ได้ออกมาโทษพรรคเดโมแครตว่ากำลังเล่นเกมการเมือง ลีวิตต์เตือนอย่างชัดเจนว่า การเลิกจ้างเจ้าหน้าที่รัฐบาลครั้งใหญ่กำลังจะเกิดขึ้นภายในสองวัน เธอกล่าวว่า “บางครั้งคุณต้องทำในสิ่งที่คุณไม่อยากทำ” และเสริมว่า “เดโมแครตทำให้เราต้องตกอยู่ในสถานการณ์นี้” ขณะที่รองประธานาธิบดีแวนซ์ชี้ว่า หากเดโมแครตกังวลต่อผลกระทบต่อชาวอเมริกันจริง พวกเขาควรเปิดหน่วยงานรัฐใหม่ทันที ไม่ใช่มาบ่นเรื่องวิธีการดำเนินการ

วิกฤตชัตดาวน์ครั้งนี้คาดว่าจะส่งผลกระทบรุนแรงกว่าครั้งก่อน โดยนักวิเคราะห์ประเมินว่าพนักงานรัฐบาลกลางที่ไม่จำเป็นราว 40% หรือประมาณ 750,000 คน จะถูกพักงานโดยไม่ได้รับค่าจ้าง ซึ่งมากกว่าการชัตดาวน์ในปี 2561 เจ้าหน้าที่ที่จำเป็น เช่น ทหารและเจ้าหน้าที่ชายแดน อาจต้องทำงานโดยไม่ได้รับเงินชั่วคราว แต่ในอดีตพวกเขามักได้รับเงินย้อนหลังเมื่อรัฐบาลเปิดทำการอีกครั้ง

สาเหตุของวิกฤตชัตดาวน์และจุดยืนของแต่ละพรรค

พรรคเดโมแครตยืนกรานต้องการการรับประกันงบประมาณด้านการดูแลสุขภาพสำหรับชาวอเมริกันรายได้น้อย โดยอ้างว่าการเจรจากับรีพับลิกันเกี่ยวกับผลประโยชน์สุขภาพยังไม่สำเร็จ ขณะที่พรรครีพับลิกันซึ่งควบคุมทั้งสองสภาแต่ขาดเสียง 60 เสียงที่จำเป็นในการผ่านกฎหมาย ต้องการใช้มาตรการชั่วคราวเพื่อให้รัฐบาลเปิดจนถึงกลางเดือนพฤศจิกายน โดยรักษาเงินทุนในระดับปัจจุบัน

วุฒิสมาชิก จอห์น ทูน ผู้นำเสียงข้างมากรีพับลิกัน กล่าวว่า “มันไม่ใช่เรื่องใครแพ้ใครชนะ แต่เกี่ยวกับชาวอเมริกัน” และกล่าวหาเดโมแครตว่าจับประชาชนเป็นตัวประกันเพื่อผลประโยชน์ทางการเมือง พรรครีพับลิกันยังคัดค้านการขยายสวัสดิการสุขภาพ โดยอ้างว่ามันจะเพิ่มภาระให้ผู้เสียภาษี และเป็นมาตรการที่เคยใช้ในยุคโควิด-19 ซึ่งปัจจุบันไม่จำเป็นอีกต่อไป

ทั้งสองฝ่ายยังคงโยนความผิดให้กันและกัน โดยไม่มีสัญญาณของการประนีประนอม คาดว่าจะมีการลงมติร่างกฎหมายงบประมาณระยะสั้นที่รีพับลิกันเสนอในวันศุกร์นี้ แต่โอกาสสำเร็จดูน้อยมาก สถานการณ์นี้ไม่เพียงกระทบต่อเจ้าหน้าที่รัฐเท่านั้น แต่ยังส่งผลต่อบริการสาธารณะ เช่น การตรวจคนเข้าเมือง สุขภาพ และการเงินสาธารณะ ซึ่งอาจทำให้เศรษฐกิจสหรัฐฯ ชะงักงัน

ผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นจากวิกฤตชัตดาวน์

จากประวัติศาสตร์ การชัตดาวน์ครั้งก่อนๆ สร้างความเดือดร้อนให้ประชาชนจำนวนมาก เช่น การหยุดชะงักของบริการรัฐ การเลื่อนจ่ายเงินช่วยเหลือ และความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจ ครั้งนี้ที่ทำเนียบขาวเตือนเลิกจ้างจนท.รัฐ “กำลังจะเกิดขึ้น” ภายใน 2 วัน อาจนำไปสู่การเลิกจ้างจำนวนมาก ซึ่งจะกระทบต่อครอบครัวเจ้าหน้าที่รัฐและเศรษฐกิจโดยรวม ผู้เชี่ยวชาญเตือนว่าหากยืดเยื้อ อาจส่งผลลบต่อความเชื่อมั่นของนักลงทุนและการเติบโตทางเศรษฐกิจ

นอกจากนี้ ชาวอเมริกันทั่วไปอาจได้รับผลกระทบจากบริการที่หยุดชะงัก เช่น การยื่นขอวีซ่า การตรวจสอบความปลอดภัยอาหาร หรือแม้กระทั่งการสำรวจสำมะโนประชากร สถานการณ์นี้สะท้อนถึงความแตกแยกทางการเมืองที่ลึกซึ้งในสหรัฐฯ ซึ่งอาจเป็นอุปสรรคต่อการแก้ไขปัญหาเร่งด่วนอื่นๆ เช่น สงครามการค้าและการฟื้นตัวหลังโควิด

  • ผลกระทบหลัก: พนักงานรัฐ 750,000 คนเสี่ยงถูกพักงาน
  • บริการที่อาจหยุด: สุขภาพ การเงินสาธารณะ ชายแดน
  • โอกาสแก้ไข: การลงมติวันศุกร์ แต่ยังไม่แน่นอน

ในมุมมองของผู้เขียน สถานการณ์นี้เป็นเครื่องเตือนใจถึงความสำคัญของการประนีประนอมทางการเมือง หากทั้งสองพรรคสามารถหาทางออกได้ทันเวลา จะช่วยลดความเสียหายที่ไม่จำเป็น คุณคิดอย่างไรกับวิกฤตนี้? แชร์ความเห็นในคอมเมนต์ด้านล่าง และอย่าลืมติดตามข่าวสารเพิ่มเติมจากเราเพื่ออัปเดตสถานการณ์ล่าสุด

ที่มา – ทำเนียบขาวเตือน เลิกจ้าง จนท.รัฐ “กำลังจะเกิดขึ้น” ภายใน 2 วัน หลังวิกฤตชัตดาวน์ยืดเยื้อ

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *