น้องข้าวต้ม: ลูกช้างป่า ยังไม่พ้นอันตราย

ทีมสัตวแพทย์ยังคงเฝ้าระวังอาการของ “น้องข้าวต้ม” ลูกช้างป่าพลัดหลง อย่างใกล้ชิดตลอด 24 ชั่วโมง หลังจากพบว่ามีภาวะน้ำตาลในเลือดต่ำและแสดงอาการอ่อนแรง สถานการณ์ปัจจุบันยังคงน่าเป็นห่วงและยังไม่พ้นขีดอันตราย

เมื่อวันที่ 31 ตุลาคม 2568 หัวหน้าเขตห้ามล่าสัตว์ป่าบึงฉวากได้รายงานถึงความคืบหน้าในการดูแลรักษาลูกช้างป่าเพศเมียที่ชื่อว่า “ข้าวต้ม” ซึ่งเจ้าหน้าที่ได้ให้การช่วยเหลือเนื่องจากพบว่าอยู่ในสภาพอ่อนแอและต้องการการดูแลเป็นพิเศษ ทีมสัตวแพทย์ได้ติดตามอาการของ น้องข้าวต้ม อย่างต่อเนื่องตลอดทั้งวัน

ในเช้าวันที่ 30 ตุลาคม เวลาประมาณ 06.15 น. น้องข้าวต้ม มีอาการชักเกร็งเนื่องจากภาวะน้ำตาลในเลือดต่ำ ซึ่งเป็นอันตรายอย่างยิ่งต่อลูกช้าง ทีมสัตวแพทย์ได้รีบเข้าช่วยเหลือและแก้ไขอาการอย่างรวดเร็ว จนกระทั่งอาการกลับสู่ภาวะปกติและเริ่มกินนมได้ในเวลาต่อมา

แม้ว่า น้องข้าวต้ม จะยังกินนมน้อยกว่าปกติ แต่ก็ยังแสดงความต้องการที่จะกินนม ซึ่งเป็นสัญญาณที่ดี อย่างไรก็ตาม ปัสสาวะยังมีลักษณะขุ่นและอุจจาระเหลวสีเหลือง แสดงว่าระบบทางเดินอาหารยังทำงานได้ไม่สมบูรณ์ ทีมสัตวแพทย์จึงได้ให้จุลินทรีย์ชนิดดี (โปรไบโอติก) เพื่อปรับสมดุลในลำไส้อย่างต่อเนื่อง

เพื่อรักษาสมดุลของร่างกาย ทีมสัตวแพทย์ได้ให้สารน้ำทางหลอดเลือดดำตลอดทั้งวัน เพื่อป้องกันภาวะขาดน้ำและรักษาระดับน้ำตาลในเลือดให้คงที่ นอกจากนี้ ยังให้พลาสมาเพื่อเสริมสร้างภูมิคุ้มกันและเพิ่มโปรตีนในเลือด

สถานะของแผลต่างๆ มีความคืบหน้าไปในทางที่ดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด แผลในช่องปากดีขึ้น แผลบริเวณสะดือแห้งดี แผลบริเวณอวัยวะเพศแห้งดี และแผลถลอกบริเวณต่างๆ กำลังฟื้นตัวดีขึ้น

ทีมสัตวแพทย์ได้ทำการรักษาแผลทุกบริเวณอย่างต่อเนื่องและระมัดระวังเพื่อป้องกันการติดเชื้อ สิ่งที่น่าชื่นใจคือ น้องข้าวต้ม ยังมีกำลังในการถีบตัวลุกขึ้นยืนได้ โดยมีทีมสัตวแพทย์และเจ้าหน้าที่คอยช่วยพยุงตัว แสดงให้เห็นว่ากล้ามเนื้อและระบบประสาทยังทำงานได้ดี อย่างไรก็ตาม การทำกายภาพบำบัดเป็นไปอย่างระมัดระวังและมีข้อจำกัด โดยคำนึงถึงสภาพร่างกายที่ยังอ่อนแอของสัตว์เป็นสำคัญ

ในเวลาประมาณ 22.12 น. น้องข้าวต้ม แสดงอาการอ่อนแรงอีกครั้ง และตรวจพบว่าระดับน้ำตาลในเลือดต่ำอีกครั้ง ทีมสัตวแพทย์ได้ทำการแก้ไขอย่างทันท่วงทีจนระดับน้ำตาลกลับสู่ภาวะปกติ แต่ น้องข้าวต้ม ยังคงแสดงอาการอ่อนแรง จึงได้ให้เกลือแร่เพิ่มเติมและปรับเปลี่ยนชนิดของน้ำเกลือที่ให้เข้าหลอดเลือดดำ หลังจากปรับเปลี่ยนการรักษา พบว่าลูกช้างป่ามีเรี่ยวแรงมากขึ้น แม้จะมีสัญญาณที่ดีขึ้น แต่ น้องข้าวต้ม ยังคงอยู่ในภาวะวิกฤตและยังไม่พ้นอันตราย

ทีมสัตวแพทย์นำโดย สพ.ญ.ณฐนน ปานเพ็ชร หัวหน้าเขตห้ามล่าสัตว์ป่าบึงฉวากและศูนย์พัฒนาการจัดการสัตว์ป่าบึงฉวาก, สพ.ญ.มัชฌมณ แก้วพฤหัสชัย หัวหน้าศูนย์ช่วยเหลือสัตว์ป่าที่ 2 (กระบกคู่) และ น.สพ.นภัส เสวกวรรณ นายสัตวแพทย์ กลุ่มงานจัดการสุขภาพสัตว์ป่า สำนักอนุรักษ์สัตว์ป่า ได้เตรียมพร้อมติดตามอาการอย่างใกล้ชิดตลอด 24 ชั่วโมง พร้อมเครื่องมือและอุปกรณ์ทางการแพทย์ครบครัน เพื่อเตรียมรับมือกับภาวะฉุกเฉินที่อาจเกิดขึ้นได้ทุกขณะ

กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช ขอขอบคุณความห่วงใยจากประชาชนที่มีต่อ น้องข้าวต้ม และจะรายงานความคืบหน้าต่อไปอย่างต่อเนื่อง ขอให้ทุกท่านส่งกำลังใจให้กับ น้องข้าวต้ม และทีมงานที่ทุ่มเทดูแลอย่างต่อเนื่อง

น้องข้าวต้ม: ลูกช้างป่า ยังไม่พ้นอันตราย

ความคืบหน้าอาการล่าสุดของน้องข้าวต้ม ลูกช้างป่าพลัดหลง

สถานการณ์ของ น้องข้าวต้ม ทำให้เราเห็นถึงความสำคัญของการอนุรักษ์สัตว์ป่า และการทำงานอย่างหนักของทีมสัตวแพทย์และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง ขอเป็นกำลังใจให้ น้องข้าวต้ม กลับมาแข็งแรงในเร็ววัน

ที่มา – “น้องข้าวต้ม” ลูกช้างป่าพลัดหลง มีภาวะน้ำตาลในเลือดต่ำ ปัจจุบันยังไม่พ้นอันตราย

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *