“อภิสิทธิ์” นั่งหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์อีกสมัย
ไม่พลิกโผ! “อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ” กลับมานั่งเก้าอี้หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์อีกสมัยอย่างเป็นเอกฉันท์ ด้วยคะแนนเสียง 96.1810% สร้างความฮือฮาให้กับสมาชิกพรรคและผู้ติดตามข่าวสารทางการเมือง
เมื่อวันที่ 18 ตุลาคม 2568 เวลา 10:00 น. ณ โรงแรมมิราเคิลแกรนด์ คอนเวนชั่น เขตหลักสี่ กรุงเทพฯ พรรคประชาธิปัตย์ได้จัดการประชุมใหญ่วิสามัญ เพื่อทำการเลือกหัวหน้าพรรคคนใหม่ รวมถึงกรรมการบริหารพรรคชุดใหม่ บรรยากาศภายในงานเต็มไปด้วยความคึกคัก มี สส. อดีต สส. อดีตรัฐมนตรี และสมาชิกพรรคเข้าร่วมการประชุมอย่างพร้อมเพรียง
ในการประชุมครั้งนี้ ไฮไลท์สำคัญอยู่ที่วาระการเลือกหัวหน้าพรรค ซึ่งนายเทอดพงษ์ ไชยนันทน์ อดีตรองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ได้เสนอชื่อ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตหัวหน้าพรรคคนที่ 7 ให้กลับมาดำรงตำแหน่งหัวหน้าพรรคอีกครั้ง และที่น่าสนใจคือ การเสนอชื่อครั้งนี้เป็นไปอย่างราบรื่น โดยไม่มีผู้ใดเสนอชื่อบุคคลอื่นเข้าแข่งขัน ทำให้ “อภิสิทธิ์” นอนมาสำหรับการเป็นหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์อีกสมัย
หลังจากมีการเสนอชื่อแล้ว สมาชิกพรรคได้ดำเนินการลงคะแนนเสียงตามขั้นตอนที่คณะกรรมการการเลือกตั้งกำหนด โดยแบ่งสัดส่วนคะแนนเสียงเป็น สส. 40 เปอร์เซ็นต์ อดีต สส. 40 เปอร์เซ็นต์ และสาขาพรรค/สมาชิกพรรค 20 เปอร์เซ็นต์ ผลปรากฏว่า นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ได้รับคะแนนเสียงอย่างท่วมท้นถึง 96.1810 เปอร์เซ็นต์ สร้างความยินดีให้กับผู้สนับสนุนและสมาชิกพรรคอย่างมาก
“อภิสิทธิ์” นั่งหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์อีกสมัย
การกลับมาของ “อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ” ในตำแหน่งหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์อีกครั้ง ถือเป็นสัญญาณที่น่าสนใจสำหรับทิศทางของพรรคในอนาคต หลายฝ่ายคาดหวังว่า ด้วยประสบการณ์และความสามารถของนายอภิสิทธิ์ จะสามารถนำพาพรรคประชาธิปัตย์ก้าวข้ามความท้าทายต่างๆ และกลับมาเป็นพรรคการเมืองหลักที่มีบทบาทสำคัญในการพัฒนาประเทศได้
อนาคตพรรคประชาธิปัตย์ภายใต้การนำของ “อภิสิทธิ์”
คำถามที่หลายคนอยากรู้คือ หลังจาก “อภิสิทธิ์” นั่งหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์อีกสมัย พรรคจะมีทิศทางอย่างไร? จะมีการปรับเปลี่ยนนโยบายหรือยุทธศาสตร์อะไรหรือไม่? และที่สำคัญ จะสามารถเรียกศรัทธาจากประชาชนกลับคืนมาได้มากน้อยเพียงใด?
ต้องยอมรับว่า พรรคประชาธิปัตย์ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา เผชิญกับความท้าทายอย่างหนัก ทั้งจากการแข่งขันทางการเมืองที่สูงขึ้น และจากกระแสความเปลี่ยนแปลงในสังคมที่รวดเร็ว การที่พรรคจะสามารถกลับมายืนหยัดได้อย่างแข็งแกร่งอีกครั้ง จำเป็นต้องมีการปรับตัวและเปลี่ยนแปลงอย่างรอบด้าน
ดังนั้น การกลับมาของ “อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ” ในครั้งนี้ จึงถือเป็นความหวังของสมาชิกพรรคและผู้สนับสนุน ที่จะได้เห็นพรรคประชาธิปัตย์กลับมาเป็นสถาบันทางการเมืองที่เข้มแข็ง และมีบทบาทสำคัญในการสร้างสรรค์สังคมไทยต่อไป
- ความท้าทายที่รออยู่: การสร้างความสามัคคีในพรรค การปรับภาพลักษณ์ และการนำเสนอนโยบายที่ตอบโจทย์ความต้องการของประชาชน
- โอกาสของพรรค: การเป็นทางเลือกใหม่ให้กับประชาชนที่เบื่อหน่ายกับการเมืองแบบเดิมๆ และการสร้างความร่วมมือกับภาคส่วนต่างๆ ในสังคม
- สิ่งที่ต้องจับตา: การปรับตัวของพรรคให้เข้ากับยุคสมัย การสร้างผู้นำรุ่นใหม่ และการสร้างความเชื่อมั่นให้กับประชาชน
การเมืองไทยยังคงมีการเปลี่ยนแปลงอยู่เสมอ การกลับมาของอภิสิทธิ์ในครั้งนี้จะเป็นอย่างไร เป็นสิ่งที่ต้องติดตามดูกันต่อไป แต่ที่แน่ๆ คือ พรรคประชาธิปัตย์ภายใต้การนำของอภิสิทธิ์ จะเป็นอีกหนึ่งตัวแปรสำคัญทางการเมืองที่น่าสนใจอย่างยิ่ง
ที่มา – “อภิสิทธิ์” นอนมานั่งหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์อีกสมัย แบบไร้คู่แข่ง
 
								