“มัลลิกา” สั่ง บขส. ปรับตัวสู้เอกชน รถทัวร์ร่วมคนละครึ่งพลัส
“มัลลิกา” สั่ง บขส. ปรับตัวสู้เอกชน ยกระดับบริการ ดึงผู้โดยสาร รถทัวร์ร่วม “คนละครึ่งพลัส” แน่นอน พร้อมอัพเดทแผนเช่ารถโดยสารใหม่ 311 คัน คาดปี 69 ฟันกำไรในรอบ 7 ปี
นางสาวมัลลิกา จิระพันธุ์วาณิช รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม มอบนโยบายให้ บขส. เน้นย้ำความปลอดภัย และการดูแลความสะอาดของสถานีขนส่งทั่วประเทศ พร้อมทั้งสั่งให้ปรับตัวให้เหมือนเอกชน เพื่อยกระดับการให้บริการ ดึงดูดผู้โดยสาร และเพิ่มรายได้ นอกจากนี้ ยังยืนยันว่ารถทัวร์จะเข้าร่วมโครงการคนละครึ่งพลัสอย่างแน่นอน
รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม กล่าวว่า ได้มอบหมายให้ บขส. ดำเนินงานและโครงการที่สำคัญ โดยเน้นการให้บริการประชาชนในการเดินทางด้วยระบบขนส่งสาธารณะให้เกิดความสะดวก รวดเร็ว ปลอดภัย รวมทั้งการให้บริการเดินรถเชื่อมต่อแบบ Feeder Service ทั้งระบบ ล้อ ราง เรือ และอากาศ เพื่อให้ประชาชนสามารถเดินทางเชื่อมต่อได้อย่างไร้รอยต่อ
เรื่องความปลอดภัยของพนักงานขับรถก็เป็นสิ่งสำคัญ พนักงานขับรถจะต้องคำนึงถึงความปลอดภัยสูงสุด มีการตรวจปัสสาวะ และแอลกอฮอล์ทุกครั้งก่อนนำรถออกให้บริการประชาชน รวมถึงระยะเวลาในการขับรถให้เป็นไปตามที่กรมการขนส่งทางบก (ขบ.) กำหนด พร้อมทั้งจะต้องดูแลความสะอาดของสถานีขนส่งฯ และจุดจอดรถทั่วประเทศ ขณะเดียวกัน บขส. จะต้องปรับตัว และยกระดับการให้บริการให้เสมือนเป็นเอกชน ที่จะต้องดึงดูดผู้โดยสารมาใช้บริการ และสร้างรายได้ให้มากขึ้นด้วย การที่ “มัลลิกา” สั่ง บขส. ปรับตัวสู้เอกชนจึงถือเป็นเรื่องที่น่าติดตาม
สำหรับโครงการ “คนละครึ่งพลัส” นั้น บขส. และรถบริการร่วมเอกชน จะเข้าร่วมโครงการดังกล่าวอย่างแน่นอน ซึ่งถือเป็นการเข้าร่วมโครงการคนละครึ่งครั้งแรก โดยได้มอบหมายให้ ขบ. ไปดำเนินการรวบรวมผู้ประกอบการที่ประสงค์จะเข้าร่วมโครงการทั้งหมด ก่อนที่จะเปิดให้ประชาชนได้ใช้โครงการฯ ตามที่รัฐบาลกำหนด
ด้านนายอรรถวิท รักจำรูญ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บขส. กล่าวถึงความคืบหน้าโครงการเช่ารถโดยสาร จำนวน 311 คัน มีบริษัท อิทธิพร อิมปอร์ต จำกัด เป็นคู่สัญญา คาดว่าจะนำรถโดยสารใหม่ให้บริการประชาชนภายในปี 2568 เพื่อใช้ทดแทนรถโดยสารเช่าที่หมดสัญญาและรถโดยสาร บขส. ที่ปลดระวาง
ขณะนี้ บขส. ได้รับมอบรถโดยสารใหม่มาแล้ว 3 คัน และจะทยอยรับมอบรถโดยสารที่เหลือจนครบ 311 คันภายในเดือนธันวาคม 2568
ในปี 2569 บขส. คาดการณ์ว่าจะมีรายได้กว่า 3,000 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปี 2568 และจะมีกำไรประมาณ 30 ล้านบาท ซึ่งถือว่าเป็นการกลับมามีกำไรในรอบ 7 ปี ตั้งแต่ช่วงสถานการณ์โควิด-19 ส่วนจำนวนผู้โดยสาร ตั้งเป้าว่าจะมีกว่า 4 ล้านคน
สำหรับรถโดยสารใหม่ที่จะนำมาให้บริการมี 3 มาตรฐาน ได้แก่ รถโดยสารปรับอากาศชั้น 1 VIP (ม.1ก), รถโดยสารปรับอากาศชั้น 1 พิเศษ (ม.1พ) และรถโดยสารปรับอากาศชั้น 1 (ม.1ข) ใช้เครื่องยนต์มาตรฐาน Euro 5 ที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม มีระบบความปลอดภัยครบครัน และมีสิ่งอำนวยความสะดวกมากมาย
“มัลลิกา” สั่ง บขส. ปรับตัวสู้เอกชน
รายงานข่าวจาก บขส. ระบุว่า รถโดยสารใหม่จะนำมาให้บริการในทุกเส้นทางทั่วประเทศ เพื่อใช้ทดแทนรถโดยสารเช่าที่หมดสัญญาและรถโดยสาร บขส. ที่ปลดระวาง ปัจจุบัน บขส. มีรถโดยสารให้บริการทั้งหมด 254 คัน
บขส. ปรับตัวสู้เอกชนตามนโยบาย “มัลลิกา”
การที่ “มัลลิกา” สั่ง บขส. ปรับตัวสู้เอกชน นับว่าเป็นสัญญาณที่ดีในการยกระดับบริการขนส่งสาธารณะของไทยให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น และเป็นประโยชน์ต่อผู้บริโภคโดยรวม
อะไรคือสิ่งที่ บขส. ต้องปรับตัวเพื่อสู้กับเอกชน?
สิ่งสำคัญที่ บขส. ต้องปรับปรุงคือ การให้บริการที่ตอบโจทย์ความต้องการของผู้โดยสารมากขึ้น ปรับปรุงเรื่องความสะดวกสบาย ความสะอาด และความปลอดภัย รวมถึงการใช้เทคโนโลยีเข้ามาช่วยในการบริหารจัดการให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น
การที่ “มัลลิกา” สั่ง บขส. ปรับตัวสู้เอกชน และรถทัวร์เข้าร่วมโครงการคนละครึ่งพลัสนี้ จะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจและการท่องเที่ยวในประเทศได้อีกทางหนึ่งด้วย เพราะจะทำให้ประชาชนเดินทางได้สะดวกและประหยัดค่าใช้จ่ายมากยิ่งขึ้น
ที่มา – “มัลลิกา” สั่ง บขส. ปรับตัวสู้เอกชน เผยรถทัวร์ร่วม “คนละครึ่งพลัส” แน่นอน



 
								