ศุภจี จับมือสิงคโปร์ เร่งขยายการค้า ปิดดีลค้าข้าว พ.ย.นี้
นางศุภจี สุธรรมพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ได้หารือผ่านระบบประชุมทางไกลกับรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการค้าและอุตสาหกรรมของสิงคโปร์ (นายกาน คิม ยอง) เมื่อวันที่ 22 ตุลาคม 2568 เพื่อเดินหน้าขยายความร่วมมือการค้าการลงทุนไทย-สิงคโปร์ ผลักดันการส่งออกสินค้าเกษตรไทย เร่งสรุปข้อตกลงการค้าข้าว และผลักดันการเจรจาความตกลงเศรษฐกิจดิจิทัลของอาเซียน (DEFA) ให้สำเร็จตามเป้าหมาย เพื่อเสริมบทบาทภูมิภาคในเศรษฐกิจดิจิทัล
การผลักดันการ“ศุภจี” จับมือรองนายกฯ สิงคโปร์ เร่งขยายการค้า-ลงทุน ปิดดีลค้าข้าว พ.ย.นี้ ถือเป็นก้าวสำคัญในการกระตุ้นเศรษฐกิจของประเทศไทยและภูมิภาคอาเซียนโดยรวม การร่วมมือกับสิงคโปร์ซึ่งเป็นศูนย์กลางทางการเงินและเทคโนโลยีที่สำคัญ จะช่วยเปิดโอกาสใหม่ๆ ให้กับผู้ประกอบการไทย และเสริมสร้างความสามารถในการแข่งขันในตลาดโลก
นางศุภจี เปิดเผยว่า การหารือครั้งนี้ได้เน้นย้ำความพร้อมของไทยในการขยายความร่วมมือกับสิงคโปร์ให้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้น โดยเฉพาะการค้าระหว่างกัน ซึ่งไทยมีศักยภาพในการขยายการส่งออกสินค้าเกษตรและอาหาร ที่ไม่เพียงตอบโจทย์รองรับความต้องการของตลาดสิงคโปร์ แต่ยังเป็นช่องทางขยายสู่ตลาดประเทศอื่นๆ ด้วย ทั้งนี้ ทั้งสองฝ่ายได้ร่วมจัดทำข้อตกลงความร่วมมือด้านการค้าข้าว ถือเป็นก้าวสำคัญในการยกระดับการค้าข้าวของไทยและความมั่นคงทางอาหารของสองประเทศ โดยคาดว่าข้อตกลงค้าข้าวจะเห็นผลเป็นรูปธรรมภายในเดือนพฤศจิกายนนี้ ความคืบหน้าในเรื่องนี้เป็นข่าวดีสำหรับเกษตรกรไทย และผู้บริโภคในทั้งสองประเทศ
นางศุภจี กล่าวเสริมว่า ได้หารือร่วมกับสิงคโปร์ในการขับเคลื่อนการเจรจาความตกลง DEFA เพื่อให้ภูมิภาคอาเซียนพัฒนาสู่เศรษฐกิจดิจิทัลอย่างเต็มรูปแบบ ซึ่งไทยในฐานะประธานคณะกรรมการเจรจาความตกลง DEFA ได้ขอให้สิงคโปร์ร่วมสนับสนุนการเจรจาให้มีความคืบหน้ามากที่สุด ซึ่งเรื่องนี้เป็นหนึ่งในประเด็นเศรษฐกิจสำคัญของอาเซียนในปีนี้ ความตกลง DEFA จะเป็นกรอบความร่วมมือสำคัญที่ช่วยเสริมสร้างความเชื่อมโยงทางดิจิทัลในอาเซียน สนับสนุนการค้าข้ามพรมแดนอย่างไร้รอยต่อ ผลักดันการค้าไร้กระดาษ ซึ่งจะช่วยยกระดับขีดความสามารถการแข่งขันของไทยและอาเซียน พร้อมเป็นเครื่องมือสำคัญสนับสนุนภาคธุรกิจในการค้าดิจิทัล
การส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัลเป็นหัวใจสำคัญของการพัฒนาประเทศในยุคปัจจุบัน ความตกลง DEFA จะช่วยให้ธุรกิจไทยสามารถเข้าถึงตลาดดิจิทัลในอาเซียนได้ง่ายขึ้น ลดอุปสรรคทางการค้า และส่งเสริมการสร้างนวัตกรรม
ทั้งนี้ ภาพรวมการค้าระหว่างไทยกับสิงคโปร์ในปี 2567 มีมูลค่า 17,758.84 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ไทยส่งออก 10,363.82 ล้านดอลลาร์สหรัฐ และนำเข้า 7,395.01 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ไทยได้ดุลการค้า 2,968.81 ล้านดอลลาร์สหรัฐ และในช่วง 8 เดือนของปี 2568 (มกราคม-สิงหาคม) มีมูลค่ารวม 12,135 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ขยายตัวขึ้น 6.25% ไทยส่งออก 7,212 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ขยายตัวขึ้น 12.57% ขณะที่การนำเข้าจากสิงคโปร์มูลค่า 4,923 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ลดลง 1.81% ตัวเลขเหล่านี้สะท้อนให้เห็นถึงความสำคัญของสิงคโปร์ในฐานะคู่ค้าที่สำคัญของไทย และศักยภาพในการขยายความร่วมมือทางการค้าให้มากยิ่งขึ้น
“ศุภจี” จับมือรองนายกฯ สิงคโปร์ เร่งขยายการค้า-ลงทุน ปิดดีลค้าข้าว พ.ย.นี้
ความสำคัญของการเร่งขยายการค้าและลงทุนระหว่างไทย-สิงคโปร์
การเร่งขยายการค้าและการลงทุนระหว่างไทยและสิงคโปร์มีความสำคัญอย่างยิ่งต่อการพัฒนาเศรษฐกิจของทั้งสองประเทศ การที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ของไทยได้หารือกับรองนายกรัฐมนตรีของสิงคโปร์เพื่อผลักดันประเด็นนี้ ถือเป็นสัญญาณที่ดีที่แสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นของทั้งสองฝ่ายในการเสริมสร้างความร่วมมือทางเศรษฐกิจให้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้น
- การค้า: การขยายการส่งออกสินค้าเกษตรและอาหารของไทยไปยังสิงคโปร์จะช่วยเพิ่มรายได้ให้กับเกษตรกรและผู้ประกอบการไทย
- การลงทุน: การดึงดูดการลงทุนจากสิงคโปร์จะช่วยสร้างงานและถ่ายทอดเทคโนโลยีให้กับประเทศไทย
- เศรษฐกิจดิจิทัล: การร่วมมือในกรอบ DEFA จะช่วยส่งเสริมการพัฒนาเศรษฐกิจดิจิทัลของทั้งสองประเทศ
การที่นางศุภจีเน้นย้ำถึงความพร้อมของไทยในการขยายความร่วมมือกับสิงคโปร์ สะท้อนให้เห็นถึงศักยภาพของประเทศไทยในการเป็นศูนย์กลางทางการค้าและการลงทุนในภูมิภาคอาเซียน
การเจรจาความตกลง DEFA และการผลักดันข้อตกลงการค้าข้าวเป็นเพียงส่วนหนึ่งของความพยายามในการเสริมสร้างความร่วมมือทางเศรษฐกิจระหว่างไทยและสิงคโปร์ การทำงานร่วมกันอย่างใกล้ชิดของทั้งสองประเทศจะนำไปสู่ความเจริญรุ่งเรืองทางเศรษฐกิจและความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นของประชาชน
การที่ “ศุภจี” จับมือรองนายกฯ สิงคโปร์ เร่งขยายการค้า-ลงทุน ปิดดีลค้าข้าว พ.ย.นี้ แสดงให้เห็นถึงวิสัยทัศน์และความมุ่งมั่นของผู้บริหารประเทศในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของไทยให้เติบโตอย่างยั่งยืน การมีนโยบายที่ชัดเจนและการทำงานร่วมกับพันธมิตรที่แข็งแกร่งเป็นสิ่งสำคัญที่จะช่วยให้ประเทศไทยสามารถก้าวข้ามความท้าทายและคว้าโอกาสใหม่ๆ ในโลกที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว
การปิดดีลค้าข้าวภายในเดือนพฤศจิกายนนี้ ถือเป็นเป้าหมายที่ท้าทาย แต่ด้วยความร่วมมือและความมุ่งมั่นของทั้งสองฝ่าย ก็มีความเป็นไปได้ที่จะบรรลุเป้าหมายนี้ได้สำเร็จ
การเร่งขยายการค้าการลงทุนระหว่างไทยและสิงคโปร์เป็นเรื่องที่น่ายินดี และคาดว่าจะส่งผลดีต่อเศรษฐกิจของทั้งสองประเทศในระยะยาว การติดตามความคืบหน้าของความร่วมมือนี้จึงเป็นสิ่งสำคัญ เพื่อให้แน่ใจว่าทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องจะได้รับประโยชน์อย่างเต็มที่
ที่มา – “ศุภจี” จับมือรองนายกฯ สิงคโปร์ เร่งขยายการค้า-ลงทุน ปิดดีลค้าข้าว พ.ย.นี้