“พิพัฒน์” ลงดูถนนทรุด คืนจราจร 8 ต.ค.
“พิพัฒน์” ลงดูถนนทรุด เทปูนแล้ว 1,200 คิว หากไม่มีอุปสรรคคืนผิวจราจร 8 ต.ค.
เมื่อวันที่ 28 กันยายน 2568 นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ได้ลงพื้นที่ตรวจสอบสถานการณ์ถนนทรุดตัวบริเวณถนนสามเสน หน้าที่โรงพยาบาลวชิรพยาบาล ซึ่งเป็นเหตุการณ์ที่สร้างความกังวลให้กับประชาชนในพื้นที่กรุงเทพมหานครมาอย่างต่อเนื่อง “พิพัฒน์” ลงดูถนนทรุด เทปูนแล้ว 1,200 คิว หากไม่มีอุปสรรคคืนผิวจราจร 8 ต.ค. เป็นข่าวดีที่หลายคนเฝ้ารอ โดยการลงพื้นที่ครั้งนี้มาพร้อมกับผู้เชี่ยวชาญ เพื่อติดตามความคืบหน้าและให้กำลังใจเจ้าหน้าที่ที่ทำงานอย่างหนัก
“พิพัฒน์” ลงดูถนนทรุด เทปูนแล้ว 1,200 คิว หากไม่มีอุปสรรคคืนผิวจราจร 8 ต.ค.
จากข้อมูลล่าสุด นายพิพัฒน์ยืนยันว่าการซ่อมแซมกำลังดำเนินไปอย่างราบรื่น ทุกอย่างเป็นไปตามแผนที่วางไว้ โดยไม่พบอุปสรรคใหญ่ที่อาจชะลอความคืบหน้า ปัจจุบันมีการเทปูนคอนกรีตแล้วกว่า 1,200 คิว ซึ่งมีระดับความสูงประมาณ 5 เมตร และกำลังรอให้วัสดุเซ็ตตัวอย่างสมบูรณ์ หากไม่มีฝนตกหนักหรือปัญหาอื่นๆ คาดว่าจะสามารถคืนพื้นผิวการจราจรให้ประชาชนได้ในวันที่ 8 ตุลาคม 2568 นี้ อย่างไรก็ตาม อาจมีการเลื่อนออกไป 1-2 วันหากสภาพอากาศไม่เอื้ออำนวย
นายพิพัฒน์ได้กำชับให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเน้นย้ำเรื่องความปลอดภัยเป็นอันดับแรก ทั้งสำหรับเจ้าหน้าที่ที่ปฏิบัติงานและประชาชนรอบพื้นที่ นอกจากนี้ ยังมีการติดตั้งกล้องวงจรปิดเพื่อตรวจจับการเคลื่อนไหวของอาคารใกล้เคียงกว่า 10 จุด รวมถึงฝั่งโรงพยาบาลวชิรพยาบาลและสถานีตำรวจนครบาลสามเสน จากการตรวจสอบพบว่าอาคารสถานีตำรวจมีการเคลื่อนตัวเล็กน้อย แต่ไม่กระทบต่อโครงสร้างโดยรวม ทำให้สถานการณ์โดยรวมยังคงนิ่ง
ขั้นตอนการซ่อมแซมและป้องกันดินสไลด์
นายกาจผจญ อุดมธรรมภักดี ผู้ว่าการการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย เปิดเผยว่าทีมงานมีการทบทวนแผนการดำเนินงานทุกวัน และปรับเปลี่ยนขั้นตอนตามสถานการณ์จริง โดยขณะนี้กำลังอยู่ในขั้นตอนการเคลื่อนย้ายวัสดุที่ตกค้างในหลุมออกมา คาดว่าจะใช้เวลา 4-5 วันสำหรับการถมทรายซีเมนต์ ควบคู่ไปกับการพ่นปูนหนา 10 เซนติเมตร เพื่อเสริมความแข็งแรงด้านข้างของอาคารสถานีตำรวจนครบาลสามเสน ป้องกันการสไลด์ของดินที่อาจเกิดขึ้นเพิ่มเติม
ผศ.ดร.ธเนศ วีระศิริ ที่ปรึกษาภัยพิบัติสภาวิศวกร กล่าวเพิ่มเติมว่าสถานการณ์ในพื้นที่คงที่มาประมาณ 2 วัน หากยังคงนิ่งแบบนี้และไม่มีฝน ก็จะทำให้ทุกอย่างเป็นไปตามกำหนดการ โดยจะมีการเสริมเสาเข็มที่ขาดหายไปจากเหตุถนนทรุด จากนั้นจึงถมพื้นที่กลับสู่สภาพเดิม การพ่นปูนใต้ฐานอาคารยังช่วยเพิ่มประสิทธิภาพความแข็งแรงของผนังดินอีกด้วย
ในวันดังกล่าว เจ้าหน้าที่ใช้เครนขนาดใหญ่ 3 ตัวในการทำงาน โดยแบ่งหน้าที่ชัดเจน เครนตัวแรกติดตั้งกระเช้าสำหรับพ่นปูนใต้ฐานอาคาร ขณะที่อีก 2 ตัวใช้ตัดสายสื่อสารและเสาไฟฟ้าที่ล้ม รวมถึงเคลื่อนย้ายวัสดุหนักขึ้นมา การทำงานแบบนี้แสดงให้เห็นถึงความเป็นมืออาชีพและการประสานงานที่แน่นหนา
- เทปูนคอนกรีตกว่า 1,200 คิว รอเซ็ตตัว
- ถมทรายซีเมนต์และพ่นปูนป้องกันดินสไลด์
- ติดตั้งกล้องตรวจจับการเคลื่อนไหว
- เสริมเสาเข็มและคืนพื้นผิวถนน
เหตุการณ์ถนนทรุดครั้งนี้ไม่เพียงแต่เป็นบททดสอบสำหรับหน่วยงานรัฐ แต่ยังสะท้อนถึงความสำคัญของการบำรุงรักษาโครงสร้างพื้นฐานในเมืองใหญ่ การลงพื้นที่ของนายพิพัฒน์ช่วยสร้างความมั่นใจให้ประชาชนว่าปัญหาจะได้รับการแก้ไขอย่างรวดเร็วและถาวร
ในฐานะที่ติดตามข่าวสารด้านโครงสร้างพื้นฐานมาโดยตรง ผมเชื่อว่าการซ่อมแซมครั้งนี้จะเป็นตัวอย่างที่ดีสำหรับการจัดการภัยพิบัติในอนาคต หากคุณอาศัยใกล้เคียงพื้นที่ แนะนำให้ติดตามประกาศจากหน่วยงานอย่างใกล้ชิดเพื่อความปลอดภัย
ที่มา – “พิพัฒน์” ลงดูถนนทรุด เทปูนแล้ว 1,200 คิว หากไม่มีอุปสรรคคืนผิวจราจร 8 ต.ค.



