“จุรินทร์” ย้ำจุดยืน ไม่แตะหมวด 1-2

“จุรินทร์” ย้ำจุดยืน “ประชาธิปัตย์” ไม่แตะหมวด 1-2 ตรงกับร่างพรรคภูมิใจไทยและร่วมรัฐบาล ย้ำความจำเป็นต้องส่งเสริมคนดีให้ปกครองประเทศ รัฐมนตรีต้องมีความซื่อสัตย์สุจริตเป็นที่ประจักษ์ 

เมื่อเวลา 11.20 น. วันที่ 14 ตุลาคม 2568 ที่รัฐสภา นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ อภิปรายร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญว่า เหตุผลที่การแก้ไขรัฐธรรมนูญปี2560 ไม่สำเร็จ เพราะเขียนไว้ให้แก้ยาก ซึ่งโดยปกติการแก้รัฐธรรมนูญ ถ้าเสียงข้างมากของที่ประชุมร่วมรัฐสภา เห็นชอบเกินกึ่งหนึ่งก็สามารถแก้ได้แล้ว แต่รัฐธรรมนูญฉบับนี้มีเงื่อนไขเพิ่มเติมนอกจากต้องใช้เสียงเกินกึ่งหนึ่งและยังจะต้องประกอบด้วย เสียงของฝ่ายค้านไม่น้อยกว่าร้อยละ20 และเพิ่มเติมด้วยเสียงของวุฒิสมาชิก (สว.) ไม่ต่ำกว่าหนึ่งในสาม รวมทั้งบางมาตรา หากจะแก้ต้องทำประชามติ ถามความเห็นประชาชนอีก จึงเป็นเงื่อนไขที่ทำให้แก้ไขรัฐธรรมนูญฉบับนี้ยากยิ่งขึ้น ทั้งนี้ พรรคประชาธิปัตย์เป็นพรรคหนึ่งที่สนับสนุนการแก้ไขรัฐธรรมนูญให้เป็นประชาธิปไตยยิ่งขึ้น

“จุรินทร์” ย้ำจุดยืน “ประชาธิปัตย์” ไม่แตะหมวด 1-2

นายจุรินทร์ กล่าวต่อว่า ไม่เห็นด้วยกับบทเฉพาะการ ที่กำหนดเงื่อนไขให้ สว.สามารถลงคะแนนเลือกนายกรัฐมนตรีได้ ทั้งที่ไม่ได้มาจากการเลือกตั้งโดยตรงจากประชาชนในขณะนั้น แต่เมื่อประชาชนได้ลงประชามติเห็นชอบกับรัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบัน พรรคประชาธิปัตย์ก็ยอมรับสิ่งที่ประชาชนเป็นผู้ตัดสิน และก่อนที่ประชาธิปัตย์จะเข้าร่วมรัฐบาลพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ก็มีเงื่อนไข3 ข้อ คือ 1. ต้องมีความซื่อสัตย์สุจริตในการบริหารราชการแผ่นดิน 2. ต้องใช้นโยบายประกันรายได้สินค้าเกษตร 3. ต้องสนับสนุนการแก้ไขรัฐธรรมนูญให้เป็นประชาธิปไตยยิ่งขึ้น โดยไม่แตะหมวด 1 และหมวด2

คงมิติ ปชต.คู่ สถาบัน

“วันนี้ มีการเสนอร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญเข้าสู่ที่ประชุมรัฐสภา เพื่อสนองต่อเอ็มโอเอ ที่เป็นข้อตกลงระหว่าง 2 พรรคการเมือง แม้ประชาชนส่วนใหญ่เห็นว่าการแก้ปัญหาปากท้องสำคัญมากกว่าการแก้ไขรัฐธรรมนูญ จึงเป็นหน้าที่ของสมาชิกรัฐสภาทุกคนที่จะต้องพิจารณาร่างแก้รัฐธรรมนูญทั้ง3 ร่างนี้  จุดยืนของผมและพรรคประชาธิปัตย์ในการแก้ไขรัฐธรรมนูญไม่มีอะไรเปลี่ยน คือ ต้องไม่แตะหมวด1 และหมวด2 ซึ่งหมวด1เป็นบททั่วไป มี 5 มาตรา ซึ่งมี 3 มาตราที่สำคัญคือ มาตรา 1 ระบุชัดเจนว่าประเทศไทยเป็นราชอาณาจักรอันหนึ่งอันเดียว จะแบ่งแยกมิได้ ผมจึงเห็นว่าห้ามแตะหมวด 1 ส่วนมาตรา2 ระบุ ประเทศไทยมีการปกครองด้วยระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ก็ควรห้ามแตะ

และมาตรา 5 ระบุด้วยข้อความวรรคท้ายว่า เมื่อไม่มีบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญนี้บังคับแก่กรณีใด ให้กระทำการนั้นหรือวินิจฉัยกรณีนั้นไปตามประเพณีปกครองของประเทศไทยในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ข้อความตรงนี้ที่ปรากฏอยู่ในมาตรา 5 วรรคท้าย หมวด1 ต้องห้ามแตะ เพราะมีปรากฏต่อเนื่องตั้งแต่รัฐธรรมนูญฉบับปี2492 จนมาถึงรัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบันเป็นมิติต่อเนื่องทางประวัติศาสตร์การปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข มิติทางกฎหมาย หากไม่มีบทบัญญัติใดรองรับไว้ในรัฐธรรมนูญ และมิติทางการเมืองการปกครองที่ยึดมั่นในประชาธิปไตยและองค์พระมหากษัตริย์อย่างสมดุล” นายจุรินทร์ กล่าว

จุดยืนพรรคประชาธิปัตย์: “จุรินทร์” ย้ำจุดยืน “ประชาธิปัตย์” ไม่แตะหมวด 1-2

นายจุรินทร์ กล่าวอีกว่า สำหรับร่างของพรรคเพื่อไทย ที่ระบุว่า ห้ามเปลี่ยนแปลง การปกครองประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข และห้ามเปลี่ยนแปลงรูปแบบของรัฐ ตรงนี้เป็นข้อห้ามที่รัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบันมีข้อห้ามอยู่แล้ว และระบุไว้ในมาตรา 255 บังคับใช้อยู่แล้ว ไม่ว่าใครก็แก้ไม่ได้ คือต้องห้ามตามข้อบังคับ แต่ร่างนี้ไม่มีบทบัญญัติ ห้ามแตะหมวด1 หมวด2 ระบุไว้ ส่วนร่างของพรรคประชาชน เช่นเดียวกันไม่มีบทบัญญัติห้ามแตะ หรือห้ามเปลี่ยนแปลงแก้ไขเพิ่มเติมหมวด 1 หมวด 2 แต่ในร่างของพรรคภูมิใจไทยและพรรคร่วมรัฐบาล ระบุชัดเจนว่า การแก้ไขหมวด1 หมวด 2 จะกระทำไม่ได้ หากรัฐสภาวินิจฉัยร่างรัฐธรรมนูญมีลักษณะเป็นการแก้ไขหมวด1หมวด2 ให้ร่างรัฐธรรมนูญฉบับนั้นตกไป ฉะนั้นนี่คือความแตกต่างสำหรับ3ร่างที่เราจะต้องพิจารณาตัดสินใจ วันนี้รัฐสภาจะต้องพิจารณาลงมติใน2ประเด็นหลัก คือจะเห็นชอบร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญฉบับใดบ้าง ถ้าแยกลงมติ หรือถ้ารวมลงมติ ก็จะกลายเป็นว่าจะเห็นชอบ หรือไม่เห็นชอบกับร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญที่เสนอต่อที่ประชุมรัฐสภา และการลงมติอีกเรื่องก็คือจะใช้ร่างใด เป็นร่างหลักในการพิจารณา ในวาระที่สอง ขั้นเรียงมาตรา

ต้องคงรมต.ซื่อสัตย์เป็นที่ประจักษ์

นายจุรินทร์ กล่าวว่า ตนยืนยันในจุดที่ยึดมั่นมาโดยตลอด และขอเพิ่มความเห็นและข้อเสนอแนะเป็น4 ข้อดังนี้

1. ตนพร้อมสนับสนุนร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ ที่เปิดทางให้มี สสร. ขึ้นมา ยกร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ แต่ต้องไม่แตะหมวด1 หมวด 2

2. หากจะต้องลงมติว่า จะใช้ร่างใดเป็นร่างหลักในการพิจารณาวาระสอง ตนจะลงมติใช้เงื่อนไขเดิมคือ ต้องใช้ร่างที่ไม่แตะหมวด1 หมวด2 เป็นหลัก เพราะเป็นห่วงหากไม่ใช้ร่างนี้ อาจจะเป็นหัวเชื้อนำไปสู่การยกร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่แบบปลายเปิดและในที่สุดอาจจะนำไปสู่การเปลี่ยนแปลง แก้ไขหมวดหนึ่ง หมวดสองได้ต่อไปในอนาคต

3. การแก้ไขรัฐธรรมนูญเที่ยวนี้ จะต้องไม่ขัดกับคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญในเรื่องที่มาของสสร. เพื่อจะทำให้การแก้ไขรัฐธรรมนูญรอบนี้ไม่เป็นหมันต่อไปในอนาคต

4. รัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ที่สสร. ถ้ามี จะต้องยกร่างขึ้น ควรจะต้องมีเจตจำนง ที่จะส่งเสริมคนดีปกครองบ้านเมืองตามที่ระบุไว้ในรัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบันมาตรา 160(4) (5) ที่ระบุไว้ว่า ผู้ที่จะเข้าสู่อำนาจสำคัญๆ ทั้งรัฐมนตรี นอกจากจะต้องมีวัยวุฒิ คุณวุฒิตามที่กำหนดแล้ว ยังจะต้องมีความซื่อสัตย์สุจริตเป็นที่ประจักษ์ และไม่มีพฤติกรรมฝ่าฝืนจริยธรรมร้ายแรง เพื่อให้การจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ทั้งฉบับ สนองตอบ และคงมั่นมาตรฐานผู้ที่จะเข้าสู่อำนาจทางการเมือง และตำแหน่งสำคัญของประเทศไว้ได้ต่อไป เพื่อประโยชน์ของบ้านเมืองและประชาชนโดยรวม

การยืนยันจุดยืน “ประชาธิปัตย์” ที่จะไม่แตะหมวด 1-2 เป็นการแสดงถึงความมุ่งมั่นในการรักษาสถาบันหลักของชาติ และการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข การแก้ไขรัฐธรรมนูญเป็นเรื่องสำคัญ แต่ต้องทำด้วยความรอบคอบและคำนึงถึงผลประโยชน์ของประเทศชาติเป็นสำคัญ

ที่มา – “จุรินทร์” ย้ำจุดยืน “ประชาธิปัตย์” ไม่แตะหมวด 1-2 ตรงกับร่างพรรคภูมิใจไทยและร่วมรัฐบาล

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *